วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

มงคลสูตรคำฉันท์


ภาระงานที่ 1 เรื่องมงคลสูตรคำฉันท์
(๑) อวเสนา จ พาลานํ ปณํฑิตานญฺจ เสวนา
ปูชา จ ปูชะนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
หนึ่งคือบ่คบพาล เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต เพราะจะพาประสบผล
หนึ่งกราบและบูชา อภิบูชนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอึดมดี
       การคบคนหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลรอบข้าง เริ่มตั้งแต่การหลีกเลี่ยงจากคนพาล การสมาคมกับคนดี และการมีสัมมาคารวะต่อบุคลที่เคารพ ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุกคน เนื่องจากการที่เราคบคนเช่นใด โอกาสที่จะทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้นหรือมีพฤติกรรมที่คล้ายกัน และนอกจากการรู้จักเลือกคบคนแล้ว การมีสัมมาคารวะหรือการรู้จักเคารพต่อบุคคลที่ควรบูชาเคารพ ย่อมทำให้เราเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป และยังได้รับความเมตตาหรือคำแนะนำที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอีกด้วย
(๓) พาหุสจฺจญฺ สิปฺปญฺจ       วินโย จ สุสิกฺขิโต
             สุภาสิตา จ ยา วาจา         เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
             ความได้สดับมาก            และกำหนดสุวาที
             อีกศิลปะศาสตร์มี            จะประกอบมนุญการ
             อีกหนึ่งวินัยอัน              นรเรียนและเชี่ยวชาญ
             อีกคำเพราะบรรสาน           ฤดิแห่งประชาชน
             ทั้งสี่ประการล้วน             จะประสิทธิ์มนุญผล
             ข้อนี้แหละมงคล             อดิเรกอุดมดี
     มงคลนี้สอนให้รู้จักที่จะรับฟังความคิดความเห็นหรือความรู้ให้มากๆ   มีความชำนาญในวิชาชีพของตน มีความเป็นระเบียบวินัย และรู้จักใช้คำพูดหรือวาจาให้เป็นผลดี
(๗) คารโว จ นิวาโต จ สนฺตุฏฐี จ กตญฺญุตา
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
เคารพ ณ ผู้ควร จะประณตและนอบศีร์
อีหนึ่งมิได้มี จะกระด้างและจองหอง
ยินดี ณ ของตน บ่มิโลภทะยานปอง
อีกรู้คณาของ นรผู้ประคองตน
ฟังธรรมะโดยกา- ละเจริญคุณานนท์
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

        สำหรับมงคลในข้ออื่นๆ เป็นข้อแนะนำที่สอดคล้องไปตามวัยและวุฒิภาวะ ตั้งแต่การปฏิบัติตนที่เป็นมงคลเมื่อยู่ในช่วงวัยเรียน เมื่อมีหน้าที่การทำงาน เมื่อมีครอบครัว เรื่อยไปจนถึงวัยที่ควรละจาการกิจกรรมทั้งหลาย เพื่อแสวงหาสัจธรรมในบั้นปลายของชีวิต จนสุดท้ายสามารถละกิเลสอันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวงเพื่อมุ่งสู่ความสุขที่แท้จริง


วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง

เสียงส่วนใหญ่ คือ ความถูกต้อง
                     เสียงส่วนใหญ่ คือ ความถูกต้อง หากนึกถึงคำคำนี้หลายคนคงต้องนึกถึง ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศไทยเราอย่างแน่นอน โดยการให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ ในระบอบประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง ประชาชนทุกคนมีอิสระเสรีโดยอยู่ในกฎหมาย ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่ง ซึ่งบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมือง ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนโดยตรงหรือผ่านผู้แทนที่ตนเลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้ ประชาธิปไตยยังเป็นอุดมคติที่ว่าพลเมืองทุกคนในชาติร่วมกันพิจารณากฎหมายและการปฏิบัติของรัฐ และกำหนดให้พลเมืองทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการแสดงความยินยอมและเจตนาของตน แต่ปัจจุบันมีการขัดแย้งกันมากขึ้น โดยไม่มีความเห็นใจบุคคลอื่นที่ต้องเดือดร้อนและได้รับผลกระทบไปด้วยมุ่งเห็นแต่ฝ่ายของตนเองเป็นสำคัญไม่นึกถึงส่วนรวมทำให้เกิดปัญหาเป็นอย่างมาก แล้วเราจะพูดได้หรือ? ว่าเสียงส่วนมาก คือ ความถูกต้อง หากยังมีบุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ยังมีคนอีกมากที่ใช้เสียงใช้สิทธิ์ของตนอย่างไม่ถูกต้องไม่เต็มที่โดยอาจเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เป็นได้
                 เสียงข้างมากมิใช่เสียงสวรรค์เสมอไป ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องเสียงข้างมาก เมื่อคนเราเท่ากันอำนาจย่อมเกิดจากตัวเลข” นี่คือคำกล่าวของ   เกษียร เตชะพีระ    ในเชิงแนวคิดทฤษฎี เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในทางเศรษฐศาสตร์มานานแล้วว่า มีข้อผิดพลาดและบกพร่องเป็นอย่างมากที่จะรวมเอาความชอบหรือพึงพอใจส่วนบุคคลมาเป็นความชอบหรือพึงพอใจของสังคมแล้วอ้างว่าเป็น ประชามติดังนั้นการอ้างเอาเสียงข้างมากมาเป็นเรื่องเดียวกับประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว
                ตัวเลขเสียงข้างมากจากหีบเลือกตั้งจึงไม่สามารถบอกได้ว่ารัฐบาลจะมีความชอบธรรมที่จะทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้หรืออะไรก็ได้จากเสียงข้างมากที่เลือก ส.ส.มาแต่อย่างใด   ระหว่างรถคันแรก จำนำข้าว ค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน มีนโยบายอะไรบ้างที่ถูกนำเสนอมาให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแสดงความพึงพอใจโดยเลือกเพื่อจัดลำดับความสำคัญว่าจะทำหรือไม่และหากทำจะนำนโยบายใดมาทำก่อนหลังในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา เห็นมีแต่นโยบายที่ไม่ได้หาเสียงเอาไว้ เช่น การล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หรือการล้างผิดให้ทักษิณเท่านั้นที่มีลำดับความสำคัญในลำดับแรกเหนือกว่านโยบายอื่นๆ ถึงขนาดขยายสมัยประชุมโดยไม่มีกำหนดปิด แต่ที่ไม่นำมาหาเสียงอย่างเป็นทางการและทำอย่างปกปิดซ่อนเร้นก็เพราะเกรงว่าจะไม่ได้เสียงข้างมากมาอยู่กับฝ่ายตัวใช่หรือไม่  
      ดังนั้นหากไม่นำเอานโยบายมาลำดับความสำคัญทีละคู่ให้ประชาชนเลือก เสียงสวรรค์ข้างมากจากหีบบัตรเลือกตั้งก็ไม่เกิด